วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556

65ปีแห่งการเสด็จสำเพ็ง

65ปีแห่งการเสด็จสำเพ็ง
วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2489 หรือเมื่อ 65 ปีก่อน มีเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในประเทศไทย นั่นคือการเสด็จประพาสสำเพ็งของในหลวงรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 ซึ่งวันนี้ผมขอนำเรื่องราวที่น่าประทับใจดังกล่าวมาเล่าสู่ผู้อ่านคอลัมน์นี้ด้วยครับ
 เมื่อญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สองนั้น รัฐบาลก๊กมินตั๋งของจีนซึ่งร่วมกับสัมพันธมิตรในการต่อสู้กับญี่ปุ่นในช่วงสงคราม และเป็น 1 ใน 5 มหาอำนาจของโลกในเวลานั้น ได้แสดงความประสงค์ที่จะส่งทหารจีนเข้ามาปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นในไทย ขณะที่คนจีนบางกลุ่มในประเทศไทยเองก็เกิดความรู้สึกว่าตนเป็นผู้ชนะสงคราม เนื่องจากรัฐบาลไทยสมัยสงครามเข้ากับญี่ปุ่น ดังนั้นจึงคิดว่าไทยเป็นฝ่ายแพ้สงครามด้วย
 อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไทยในเวลานั้นเกรงว่าหากยินยอมให้ทหารจีนเข้ามาอาจจะเกิดปัญหาด้านความมั่นคงของไทยได้ จึงขอร้องให้ทหารญี่ปุ่นในประเทศไทยปลดอาวุธตัวเอง ต่อลอร์ดหลุยส์ เมาท์แบทแทน ผู้บัญชาการทหารอังกฤษ ประจำภาคตะวันออกไกล เป็นผลให้คนจีนเหล่านั้นไม่พอใจ ประกอบกับรัฐบาลจีนได้ทำสนธิสัญญาทางไมตรีครั้งแรกกับไทย และส่งเอกอัครราชทูตมาประจำที่ประเทศไทย กับประกาศนโยบายให้คนจีนที่เกิดนอกประเทศได้รับสัญชาติจีน จึงทำให้คนจีนเกิดความรู้สึกเรื่องชาตินิยมรุนแรงขึ้น ถึงกับมีการเรียกร้องสิทธิพิเศษต่างๆ จากรัฐบาลไทย นอกเหนือจากการชักธงชาติจีน และประดับรูปผู้นำจีนตามบ้านเรือนและร้านค้า
 รวมทั้งทำร้ายคนไทยที่เข้าไปในย่านของคนจีน เช่น สำเพ็ง เยาวราช และถนนเจริญกรุง จึงทำให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างคนไทยกับคนจีน จนทางการต้องส่งกำลังเข้าระงับเหตุ แต่เหตุการณ์ที่ทำท่าว่าจะรุนแรง ก็กลับสงบลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการที่ในหลวงรัชกาลที่ 8 และ รัชกาลที่ 9 ซึ่งขณะนั้นดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช เสด็จพระราชดำเนินเยือนสำเพ็งอันเป็นถิ่นของคนจีน ในกรุงเทพฯ
 ในช่วงสงคราม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และสมเด็จพระอนุชา ประทับและทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จนิวัตพระนครในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2488 เมื่อทรงทราบความขัดแย้งดังกล่าวที่เกิดขึ้นจึงมีพระราชประสงค์จะเสด็จประพาสสำเพ็ง ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อ
 ในวันที่ 3 มิถุนายน 2489  อันเป็นวันเสด็จพระราชดำเนิน ประชาชนชาวจีนในสำเพ็งต่างพากันปีติยินดี และร่วมกันตบแต่งบ้านเรือนด้วยธงทิวและแพรพรรณ ตั้งโต๊ะบูชาด้วยเครื่องลายครามและเครื่องแก้วเจียระไน สร้างซุ้มประตูรับเสด็จด้วยดอกไม้สดประดับประดาเป็นรูปมังกรขนาดใหญ่ ตั้งแต่ปากตรอกสะพานหัน และสองฟากของสำเพ็ง มีพสกนิกรชาวจีนมาเฝ้ารับเสด็จอย่างเนืองแน่น บางครั้งได้เสด็จไปประทับในบ้านและร้านรวงที่กราบบังคมทูลเชิญ เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิด โดยไม่ทรงถือพระองค์ รวมเป็นเวลาที่ประพาสสำเพ็งประมาณครึ่งวัน ต่อจากนั้นได้เสด็จฯ ไปเสวยพระกระยาหารกลางวันที่สมาคมไทย-จีน ถนนสาทร และทอดพระเนตรกีฬากับการละเล่นต่างๆ ก่อนเสด็จฯ กลับ
 ในหนังสือ “จากฮวงโหสู่เจ้าพระยา” จัดพิมพ์โดยธนาคารกสิกรไทย เมื่อปี พ.ศ. 2548 กล่าวว่า “มีเหตุการณ์ที่น่าประทับใจหลายประการ เช่นชาวจีนสูงอายุที่มั่งคั่งคนหนึ่งในสำเพ็ง ได้นำฝุ่นทรายมาโปรยลงบนพรมที่ปูลาดไว้หน้าร้าน แล้วกราบบังคมทูลขอให้ทรงเหยียบลงบนพรมนั้น เมื่อทรงทำตามแล้ว ชาวจีนผู้นั้นก็นำฝุ่นทรายประจงใส่กระถางลายครามใบใหญ่แล้วนำขึ้นไปตั้งไว้บนโต๊ะบูชาทันที”
 รัชกาลที่ 8 โปรดการเสด็จประพาสสำเพ็งมาก ทรงเล่าถึงชาวจีนคนหนึ่งซึ่งเข้าเฝ้าฯ ว่า “ฉันกำลังเดินเพลินๆ อยู่พอก้าวขาออกไป ก็มีจีนคนหนึ่งวิ่งเข้ามาตรงเท้า ฉันตกใจเหลียวมาดู เห็นเขากอบเอาขี้ฝุ่นตรงที่ฉันเหยียบมาใหม่ๆ ใส่มือแล้วเอาใส่ห่อผ้าเช็ดหน้าไว้ ถามดูได้ความว่าจะเอาไปบูชา”
 การเสด็จประพาสสำเพ็ง ของในหลวงทั้งสองพระองค์ เมื่อ 65 ปีที่แล้ว นับเป็นการสมานรอยร้าวของพี่น้องจีน-ไทยในครั้งนั้นให้คืนสู่ปกติอย่างน่าอัศจรรย์ และพี่น้องทั้งสองสายเลือดก็ได้ร่วมกันสร้างประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้ามาตราบเท่าทุกวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น